ยกระดับการดูแลลูกค้าด้วย Ticketing system ระบบเคสงานจาก Oho Chat
ลูกค้าแจ้งปัญหามาในแชทหลายช่องทาง แต่จัดการให้ระเบียบไม่ได้ ส่งผลให้จัดการปัญหาล่าช้า คำร้องกระจัดกระจาย ยากต่อการค้นหาและติดตาม ระบบ Ticketing system คือฮีโร่ที่จะมาช่วยแก้ปัญหาให้คุณ
Jane Chalisa

เคยไหม ? ลูกค้าแจ้งปัญหาจำนวนมากมาในแชทหลายช่องทาง แต่ไม่สามารถจัดการอย่างระเบียบได้ ส่งผลให้ทีมงานจัดการปัญหาล่าช้า คำร้องกระจัดกระจาย ยากต่อการค้นหาและติดตาม เกิดการทำงานซ้ำซ้อนเสียเวลา และยังทำให้ธุรกิจไม่สามารถวิเคราะห์ประสิทธิภาพของการบริการลูกค้าได้อีกด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ย่อมส่งผลต่อการสร้างประสบการณ์ลูกค้า (Customer experience) โดยเฉพาะในยุคที่ลูกค้ามีความคาดหวังสูงเช่นนี้ หากธุรกิจไม่สามารถแก้ปัญหาให้ลูกค้าได้อย่างทันท่วงที ลูกค้าเหล่านั้นจะต้องหลุดมือไปหาคู่แข่งของคุณอย่างแน่นอน !

จะเห็นได้ว่าหลายองค์กรเริ่มหันมาใช้ระบบ Ticketing system ที่ผสมผสานกับ Omnichannel เพื่อช่วยให้จัดการข้อมูลแชทได้อย่างเป็นระเบียบ ทีมงานสามารถติดตามและแก้ไขปัญหาของลูกค้าได้สะดวกรวดเร็ว ลำดับความสำคัญของงานได้ดียิ่งขึ้น

ดังนั้น การลงทุนในระบบ Ticketing system จึงไม่ได้เป็นแค่เรื่องของการบริหารจัดการเท่านั้น แต่ยังเป็นการลงทุนเพื่อพัฒนาคุณภาพของการบริการและประสบการณ์ของลูกค้าอีกด้วย

ทำความเข้าใจ Ticketing System คืออะไร

ระบบ Ticketing system หรือ ตั๋วงาน / เคสงาน  คือ ซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดการคำร้องขอและปัญหาของลูกค้าที่เข้ามาจากช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ เช่น แอปพลิเคชันแชท อีเมล และเว็บไซต์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยแต่ละคำร้องจะถูกจัดเก็บไว้ในรูปแบบของ “เคส” หรือ “Ticket” บนแพลตฟอร์ม Ticketing system ที่ใช้บริการ ทำให้ทีมงานสามารถจัดการกับข้อมูลเหล่านั้นอย่างรวดเร็วและมีระเบียบยิ่งขึ้น ช่วยให้การทำงานไม่ซ้ำซ้อน ป้องกันการตกหล่นของงาน วิเคราะห์การทำงานได้ดียิ่งขึ้น และยังช่วยให้การติดตามงานเป็นเรื่องง่ายขึ้นอีกด้วย

Ticketing System กับ Omnichannel ทำงานร่วมกันดียังไง ?

Omnichannel คือ การรวมทุกช่องทางการสื่อสารที่ลูกค้าติดต่อแบรนด์มาไว้ในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นออนไลน์ ทั้งทางเว็บไซต์ Social Media ต่างๆ หรือแอปพลิเคชัน หรือรวมถึงทางหน้าร้าน ก็จะได้รับประสบการณ์เดียวกัน เป็นระบบที่มักใช้กับธุรกิจที่มีการทักแชทจากลูกค้าจากหลายแพลตฟอร์ม พอนำมาผสมผสานกับการทำงานของระบบ Ticket System แล้ว จะก่อให้เกิดประโยชน์เป็นอย่างมากกับธุรกิจ เพราะนอกจากจะสามารถมองเห็นแชททั้งหมดในจอเดียวแล้ว ยังสามารถมองเห็นปัญหาของลูกค้าในแต่ละแชทได้ในจอเดียวอีกด้วย ซึ่งทำได้ผ่านการติดแท็กตั๋วงานหรือเคสงานในแต่ละช่องแชท เพียงเท่านี้ทีมงานก็จะรู้ได้ในทันทีว่าแชทไหนมีปัญหาเรื่องใด แชทไหนเป็นเคสที่ควรเร่งช่วยเหลือ หรือแชทไหนที่ได้รับการช่วยเหลือแล้ว ทำให้จัดการงานได้อย่างเป็นระบบและแก้ปัญหาให้ลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว แต่สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่แอปพลิเคชันแชทปกติ เช่น Facebook, Line และ Instagram ไม่สามารถทำได้ ธุรกิจจึงจำเป็นต้องหาแพลตฟอร์ม Ticket System แบบ Omnichannel ที่มีคุณภาพมาใช้นั่นเอง

Ticketing system ระบบจัดการทำร้องเรียน เพิ่มความพึงพอใจ เพิ่มกำไร ลูกค้าซื้อซ้ำ
สถิติธุรกิจที่ใช้ระบบ Ticketing system

ซึ่งจากสถิติผลสำรวจพบว่าระบบ Ticketing system ช่วยให้ธุรกิจส่งมอบประสบการณ์ลูกค้า (Customer experience) ที่ดีขึ้นได้เป็นอย่างมาก และยังช่วยสร้างกำไรให้ธุรกิจเพิ่มขึ้นได้อีกด้วย รู้อย่างนี้แล้วอย่ามัวรอช้าจนธุรกิจอื่นแย่งลูกค้าของคุณไปล่ะ ต้องรีบหาระบบ Ticketing system ดี ๆ มาประยุกต์ใช้กับธุรกิจคุณได้แล้ว

ตัวอย่างระบบหลังบ้านยอดนิยมที่มี Ticketing System หรือเคสงาน

ปัจจุบันนี้มีระบบหลังบ้านที่มีฟีเจอร์ Ticketing System Omnichannel อยู่มากมาย แต่ละเจ้าย่อมมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน ตัวธุรกิจเองควรศึกษาความต้องการของตนเองและลักษณะการใช้งานที่ต้องการให้ดี เพื่อดึงประสิทธิภาพของระบบออกมาให้ได้มากที่สุด ด้านล่างนี้จะเป็น 4 ตัวอย่างแพลตฟอร์มที่ได้รับการยอมรับระดับโลก

  1. Zendesk
  2. Freshdesk
  3. Intercom
  4. Salesforce

หยุด ช้าก่อน แม้ตัวอย่างที่กล่าวมาข้างต้นนี้จะเป็นแพลตฟอร์มระดับ Global ที่มีคุณภาพดีก็จริง แต่นั่นหมายความว่าอาจต้องแลกมากับราคาที่สูงลิ่ว การติดตั้งระบบที่ต้องใช้ทีมเทคนิค และการติดต่อสื่อสารกับฝ่ายบริการของระบบที่ยากลำบากและใช้เวลาในการติดตั้งพร้อมเทรนทีมงานมักใช้เวลานานเพราะเป็นบริษัทที่ก่อตั้งในต่างประเทศ แถมยังต้องมีความกังวลหากทีมงานของเราไม่มีความรู้เกี่ยวกับไอทีอีกด้วย แพลตฟอร์มข้างต้นจึงเหมาะกับธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีทีมเทคนิคเป็นของตัวเอง

ลองของไทยสิ ! หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก-กลาง หรือระดับเอ็นเตอไพรส์ ที่มีการติดต่อกับลูกค้าผ่านออนไลน์หลายช่องทาง มีแชทจำนวนมาก มีทีมแอดมินที่ต้องดูแล หรือแม้กระทั่งมีธุรกิจในเครือแตกแยกหลายสาขาและหล่ายบริษัทลูก และกำลังมองหาฟีเจอร์ Ticketing System ในระบบ Omnichannel เพื่อช่วยจัดเก็บและจัดการข้อมูล ติดตามเคสลูกค้าอย่างเป็นระเบียบ ใน ราคาที่ถูก ใช้งานง่าย ติดตั้งง่าย สร้างโดยคนไทย มีฝ่ายบริการคนไทยคอยให้การดูแล แถมยังมีฟีเจอร์อีกมากมายที่ช่วยให้แอดมินสามารถตอบลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

ต้องนี่เลย Oho Chat ระบบจัดการแชทเพิ่มประสิทธิภาพทีมแอดมินครบจบในที่เดียว

Ticket system ของ Oho Chat ที่เข้าใจธุรกิจไทย

Oho Chat เป็นระบบจัดการแชทบริการลูกค้า เพิ่มประสิทธิภาพทีมแอดมิน ครบ จบในที่เดียว

ถูกพัฒนาขึ้นโดยทีมคนไทย ทำให้เราเข้าใจปัญหาของธุรกิจไทยเป็นอย่างดี พร้อมช่วยแก้ไขได้อย่างตรงจุด มั่นใจได้ว่าจะได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด โดยระบบถูกออกแบบและพัฒนาโดยมีผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) ทำให้เป็นระบบที่ใช้งานง่าย แม้ในคนที่ไม่มีความรู้ด้านไอทีมาก่อนก็ตาม ช่วยยกระดับการตอบแชทของธุรกิจให้เป็นเรื่องง่าย จัดการแชทได้อย่างเปนระบบ ช่วยสร้างสุดยอด Customer experience ให้ลูกค้าติดใจธุรกิจของคุณ

โดยระบบของเรามีความโดดเด่นในด้านการวบรวมแชทจากทุกช่องทางมาไว้ในที่เดียว (Omnichannel) ปัจจุบันมีทั้งหมด 8 ฟีเจอร์หลัก หนึ่งในฟีเจอร์ของเราคือ Ticketing system หรือที่โอ้โหแชทเรียกว่า ‘Case system’ นั่นเอง ซึ่งฟีเจอร์นี้ของเราสามารถครอบคลุมการทำงานได้ดีกว่าเจ้าอื่น ๆ ในประเทศไทยอย่างนอน

จุดเด่น ‘ฟีเจอร์เคส’ ที่เหนือกว่าของ Oho Chat

ระบบ Ticketing system ที่โอ้โหแชทจะถูกเรียกว่า ‘Case system’ หรือ ‘ฟีเจอร์เคส’ เป็นการรวบรวมแชทจากทุกช่องทางมาไว้ในที่เดียวพร้อมตรวจสอบและติดตามเคสลูกค้าได้ ติดแท็ก ติดตาม เพิ่มบันทึกและค้นหาเคสลูกค้าได้ง่ายเพียงปลายนิ้ว คุณสามารถเข้าใจการทำงานของมันได้ง่ายนิดเดียว !

เริ่มต้นจากเมื่อมีลูกค้าส่งข้อความเข้ามาในแชท แชทนั้นจะถูกเปิดเคส (Case) อัตโนมัติ

1 แชท = 1 เคส

ซึ่งใน 1 เคส จะแสดงรายละเอียดข้อมูลต่าง ๆ ดังรูปด้านล่างนี้

รายละเอียดข้อมูลต่าง ๆ ใน 1 เคส (Case)

  1. ชื่อเคส: ชื่อเรื่องที่ลูกค้าติดต่อเข้ามา เช่น “Botox กราม”
  2. สถานะเคส: บอกว่าเคสนั้นอยู่ในสถานะ กำลังดำเนินการ(มีแอดมินคอยตอบแชท) หรือ ปิดเคส(จบการสนทนา)
  3. เวลาให้บริการ: บอกว่าลูกค้ารอแอดมินตอบนานเท่าไหร่ และแอดมินให้บริการลูกค้านานเท่าไหร่
  4. รหัสเคส: รหัสของแต่ละเคส ระบบจะกำหนดให้โดยอัตโนมัติ
  5. แท็กเคส: แท็กเคสคือ Key สำคัญของฟีเจอร์นี้ เป็นการตั้งประเด็นของเรื่องที่ลูกค้าทักเค้ามา ธุรกิจสามารถออกแบบหัวข้อเองได้ อาจเป็นปัญหาที่ลูกค้าพบ สิ่งที่ลูกค้าสนใจ สถานะการทำงาน สาขาที่ลูกค้าใช้งานเช่น ปัญหาขนส่ง, อยากได้ส่วนลดพิเศษ, ส่งใบเสนอราคาแล้ว, รอส่งสินค้า, ใช้งานสาขาทองหล่อ โดยใน 1 เคสสามารถมีหลายแท็กเคสได้ ซึ่งสามารถนำแท็กเคสนี้ไปกรองในหน้า ‘คลังเคส’ เพื่อดูแชทประเภทที่ต้องการได้ในภายหลัง
  6. คำอธิบาย: สามารถเพิ่มคำอธิบายได้ เพื่อให้ทีมงานคนอื่น ๆ รับรู้รายละเอียดได้โดยไม่ต้องเลื่อนอ่านแชทเอง
  7. คัดลอกลิงก์: ลิงก์ของรายรายเอียดเคส แอดมินสามารถคัดลอกและนำไปส่งต่อได้
  8. ชื่อลูกค้า: ชื่อลูกค้าที่ส่งข้อความ พร้อมช่องทางที่ใช้ติดต่อ
  9. ผู้รับผิดชอบ และผู้เกี่ยวข้อง: ผู้รับผิดชอบหลักของแต่ละเคส และผู้ที่เข้ามามีส่วนร่วมกับเคส เช่น ได้รับแชทมาดูแลต่อ
  10. กิจกรรม: กิจกรรมที่เกิดขึ้นกับเคส และความเคลื่อนไหวภายในเคส เช่น แอดมิน A เป็นผู้รับผิดชอบคนแรก > แอดมิน A เพิ่มบันทึกภายใน > ส่งต่อเคสให้แอดมิน B ดูแลแทน > แอดมิน B รับแชท > แอดมิน B เป็นผู้รับผิดชอบเคสในปัจจุบัน

ภาพด้านล่างนี้ คือตัวอย่างหน้าจอแชทบน Mobile ของ Oho Chat ที่มีการติดแท็กเคสแล้วนั่นเอง จะเห็นได้ว่ามีการแสดงข้อมูลอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ด้วย เช่น เวลารอรับบริการของลูกค้า หากสนใจอยากอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟีเจอร์รวมแชทอย่างละเอียด สามารถคลิกได้ที่นี่ >> ฟีเจอร์รวมแชท (Omnichannel) ซึ่งระบบของเรารองรับการใช้บริการทั้งบน Website และ Mobile มาพร้อม UX/UI ที่ใช้งานง่าย ทำให้ทีมงานสามารถทำงานได้ทุกที่

หน้าจอแชททั้งหมดบน Mobile ของ Oho Chat

และอย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นค่ะ ว่าเราสามารถนำแท็กเคสนี้ไปกรองในหน้า ‘คลังเคส’ เพื่อค้นหาแชทแต่ละประเภทที่ต้องการได้ในภายหลังอีกด้วย

จากที่อ่านมาถึงตรงนี้ทุกคนคงเข้าใจฟีเจอร์เคสของเรามากขึ้นแล้วใช่ไหมคะ ? ต่อมาเราจะมาเจาะลึกประโยชน์ของฟีเจอร์เคสกัน !

ประโยชน์ ‘ฟีเจอร์เคส’ ของ Oho Chat ที่จะพลิกโฉมการแชทของคุณให้ทีมงานรัก ลูกค้าถูกใจ เจ้าของธุรกิจแฮปปี้

ถ้าคุณกำลังมีคำถามว่าแล้วฟีเจอร์เคสนี้มันจำเป็นต่อธุรกิจจริงหรือเปล่า ? ทำไมคุณถึงจำเป็นต้องใช้ฟีเจอร์เคสของ Oho Chat ? ฟีเจอร์เคสจะช่วยให้การทำงานง่ายและเป็นระเบียบขึ้นยังไง ? ลองอ่านประโยชน์ด้านล่างนี้ได้เลย

1. สร้างระบบการทำงานที่ดี

ช่วยให้ทีมงานวางแผนการทำงานได้ง่ายยิ่งขึ้น เกิดระบบระเบียบในการทำงาน เกิด Workflow ในการทำงาน เช่น สามารถวางแผนได้ว่าถ้าเจอปัญหานี้จะต้องส่งต่อแชทให้ใครตอบ ดังนั้นเมื่อมีทีมงานลาออกธุรกิจก็ยังดำเนินต่อไปตาม Flow ได้

2. ลดความซับซ้อนในการทำงาน

มีการติดแท็กเคสไว้พร้อมคำอธิบาย ทำให้ส่งต่อแชทง่าย ทีมงานที่รับแชทต่อสามารถเข้าใจปัญหาและแก้ไขได้ตรงจุดในทันที ไม่ต้องอ่านแชทใหม่เพื่อทำความเข้าใจให้เสียเวลา

3. ติดตาม ตรวจสอบการทำงานได้ง่าย

แอดมินสามารถค้นหาแชท และแยกแชทแต่ละประเภทได้ง่าย โดยการกรองดูแชทแต่ละประเภทในคลังเคส และฟีเจอร์เคสยังช่วยให้มองเห็นภาพรวมว่าแชทไหนมีปัญหาอะไร ได้รับการแก้ไขหรือยัง หรือแชทไหนเป็นเคสด่วนต้องรีบแก้ไข ทำให้ประหยัดเวลาในการติดตามงาน

4. เพิ่มยอดขายของธุรกิจ

ระบบการทำงานที่ดีส่งผลให้แก้ปัญหาลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว สร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้า เมื่อลูกค้ารู้สึกพึงพอใจกับบริการ จะเกิดความภักดี ส่งผลให้เกิดการกลับมาใช้บริการซ้ำ เพิ่มโอกาสการเป็น Customer Loyalty อีกทั้งลูกค้ายังอาจแนะนำธุรกิจของเราให้แก่ผู้ใช้งานคนอื่นอีกด้วย

5. วิเคราะห์ ปรับปรุงจุดอ่อนของธุรกิจได้

สามารถนำข้อมูลจากเคสมาวิเคราะห์ต่อได้ใน > ฟีเจอร์แดชบอร์ด (Dashboard)

เมื่อรู้ว่าปัญหาที่ลูกค้าเจอบ่อยในธุรกิจคืออะไร ทำให้ปรับปรุงแก้ไขได้ตรงจุด รู้พฤติกรรมลูกค้าว่าทักมาเวลาไหน เรื่องไหนบ่อยที่สุด ทำให้พัฒนากลยุทธ์ทางการตลาดได้ดียิ่งขึ้น

7. วัด Performance ของแอดมินได้

สามารถติดตาม วัดผลการทำงานของแอดมินได้ใน > ฟีเจอร์แดชบอร์ด (Dashboard)

ทำให้ Manager ประเมินผลการทำงานรายบุคคลได้อย่างถูกต้องแม่นยำ โดยสามารถติดตามผลได้ตลอดเวลาผ่านแดชบอร์ด ไม่จำเป็นต้องนั่งเฝ้าหน้าจอคอมเพื่อติดตามการทำงานอีกต่อไป

ฟีเจอร์เคสเป็นเพียงหนึ่งใน 8 ฟีเจอร์ของ Oho Chat เท่านั้น ! แค่ฟีเจอร์เดียวยังดูช่วยให้การทำงานง่ายขึ้นได้มากขนาดนี้ ยังมีฟีเจอร์รวมแชท (Omnichannel),  แชทบอท (Chat Bot),  เก็บข้อมูลลูกค้า (CRM),  แดชบอร์ดวัดผล (Dashboard),  คลังข้อมูล,  ส่งแชทอัตโนมัติ (Auto assign) ,  คลังข้อมูล  และ  บทบาทสมาชิกและทีม รอคุณอยู่

ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องยอมเปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งที่ดีกว่า แต่อย่ากลัวไป เพราะโอ้โหแชทมีทีมงานพร้อมซัพพอร์ตคุณอยู่เสมอ อย่ามัวแต่รอให้ธุรกิจอื่นแซงหน้าและแย่งลูกค้าของคุณไป

สำหรับใครที่อยากรู้จักเราเพิ่มเติมสามารถ ทดลองใช้ได้ฟรี วันนี้ 14 วัน โดยไม่ต้องผูกบัตรเครดิตให้ยุ่งยากและกังวลอีก แถมยังสามารถเพิ่มจำนวนแอดมินได้ไม่จำกัดอีกเช่นกันค่ะ หรือหากสนใจใช้งานจริง แพ็คเกจราคาเริ่มต้นก็อยู่ที่ 500 บาท/เดือนเท่านั้น แค่คลิกเดียว แล้วยกระดับธุรกิจไปพร้อมกับเรา

สนใจทดลองใช้ฟรี ซื้อระบบ หรืออ่านข้อมูลเพิ่มเติม คลิก >>> ทดลองใช้ฟรี

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม คลิก >>> ติดต่อทีม Support

พร้อมแล้ว เริ่มใช้งานฟรี!
ทดลองใช้ฟรี คลิก!
เชื่อมต่อเพจของคุณฟรีทันที!