เพิ่มประสิทธิภาพ Lead Generation และ Customer Journey พร้อมบริหาร Order Management เพื่อสร้าง ROAS อย่างมีประสิทธิภาพ

มาดูวิธีเพิ่ม ROAS ให้ธุรกิจแบบเข้าใจง่าย ด้วยการเชื่อม Lead Generation, Customer Journey และระบบ Order Management ให้ทำงานเข้ากันอย่างลื่นไหล พร้อมตัวอย่างจริงที่ช่วยให้คุณวางแผนการตลาดได้แม่นขึ้น และปิดการขายได้ดีขึ้นในทุกแคมเปญ

Thiti Luang
CEO

การทำการตลาดออนไลน์ในยุคนี้ไม่ใช่แค่การลงโฆษณาแล้วรอผลตอบรับ แต่ต้องมีระบบที่ช่วยให้คุณสามารถดึงดูดลูกค้า ดูแลลูกค้าในทุกขั้นตอนของการซื้อ และปิดการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งหัวใจสำคัญคือการเชื่อมโยง Lead Generation, Customer Journey และ Order Management ให้ทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น โดยมีเป้าหมายหลักคือการเพิ่ม ROAS (Return on Ad Spend) หรือผลตอบแทนจากการลงทุนในโฆษณาให้คุ้มค่าที่สุด

Lead Generation คืออะไร และเกี่ยวข้องกับ Customer Journey อย่างไร?

Lead Generation คือกระบวนการสร้างความสนใจและดึงดูดลูกค้าเป้าหมายให้เข้ามาหาธุรกิจของคุณ โดยใช้เครื่องมือทางการตลาดอย่างโฆษณาออนไลน์ คอนเทนต์ในโซเชียลมีเดีย หรือ SEO เมื่อได้ Lead มาแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการพา Lead เหล่านั้นเข้าสู่ Customer Journey ซึ่งเป็นเส้นทางที่ลูกค้าจะเดินจากจุดที่รู้จักแบรนด์ จนถึงการตัดสินใจซื้อ และกลายเป็นลูกค้าประจำ

เชื่อมโยง Lead Generation กับ 3 ช่วงของ Customer Journey

1️⃣ Awareness Stage (ช่วงรับรู้แบรนด์)

เป้าหมาย: ทำให้กลุ่มเป้าหมาย “รู้จัก” ธุรกิจของคุณ

บทบาทของ Lead Generation:

วิธีการ:


2️⃣ Consideration Stage (ช่วงพิจารณา)

เป้าหมาย: ทำให้ Lead เห็นคุณค่าของสินค้า/บริการของคุณ

บทบาทของ Lead Generation:

วิธีการ:


3️⃣ Decision Stage (ช่วงตัดสินใจซื้อ)

เป้าหมาย: ช่วยให้ลูกค้า “ตัดสินใจซื้อ” ให้เร็วที่สุด

บทบาทของ Lead Generation:

วิธีการ:

--------------

วิธีการเพิ่มประสิทธิภาพ Lead Generation ด้วยเทคโนโลยี API

1. การใช้ Meta Conversion API

Meta Conversion API ช่วยให้คุณส่งข้อมูล Conversion จากเว็บไซต์หรือแอปไปยัง Meta Ads โดยตรง แม่นยำกว่าการใช้ Facebook Pixel เพียงอย่างเดียว ลดการสูญเสียข้อมูล และช่วยให้ระบบโฆษณาปรับการยิงแอดได้แม่นยำยิ่งขึ้น

2. การใช้ TikTok Messaging Ads API

TikTok Messaging Ads API ช่วยให้ลูกค้าที่เห็นโฆษณาสามารถ “แชทสอบถาม” กับทีมขายได้ทันที เพิ่มโอกาสปิดการขายและสร้าง Lead ที่มีคุณภาพสูงกว่า


ตัวอย่างการใช้งานจริง: ใช้ API แล้วได้ผลอย่างไร?

กรณีศึกษา 1: ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ

กรณีศึกษา 2: แบรนด์เครื่องสำอาง (TikTok)

--------------

จัดการ Order Management อย่างมีประสิทธิภาพ

หลังจากที่ลูกค้าตัดสินใจซื้อ การจัดการคำสั่งซื้อ (Order Management) เป็นขั้นตอนสำคัญที่ต้องมีความแม่นยำและรวดเร็ว การใช้ระบบอัตโนมัติและการรวมระบบกับแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Oho Chat, Shipify, หรือ ERP system สามารถช่วยลดข้อผิดพลาดและเพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้


องค์ประกอบสำคัญของ Order Management

--------------

เพิ่ม ROAS ด้วยกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ

ROAS (Return on Ad Spend) เป็นตัวชี้วัดที่บอกถึงประสิทธิภาพของการใช้เงินโฆษณาในการสร้างรายได้ โดยสามารถเพิ่ม ROAS ได้จากการปรับปรุง Lead Generation และ Customer Journey ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด


เทคนิคในการเพิ่ม ROAS

  1. การกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้แม่นยำ - ใช้ข้อมูลจาก CRM และ AI เพื่อกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่มีแนวโน้มซื้อสูงสุด
  2. Retargeting Ads - ติดตามลูกค้าที่เคยเยี่ยมชมเว็บไซต์แต่ยังไม่ซื้อสินค้า และแสดงโฆษณาที่ตรงกับความสนใจของพวกเขา
  3. การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า - ใช้เครื่องมือ BI เช่น Power BI หรือ Looker Studio เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้าและปรับปรุงแคมเปญโฆษณา


สูตรคำนวณสำคัญที่ควรรู้

1. ROAS (Return on Ad Spend)

2. Conversion Rate (CVR)

3. Customer Acquisition Cost (CAC)

4. Customer Lifetime Value (CLV)

--------------

สรุป

การบูรณาการ Lead Generation, Customer Journey และ Order Management สามารถช่วยเพิ่ม ROAS ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการใช้เครื่องมือที่เหมาะสมและกลยุทธ์ที่ตรงจุด ธุรกิจสามารถดึงดูดลูกค้า ดูแลการสั่งซื้อ และเพิ่มมูลค่าทางการตลาดได้ในระยะยาว

หากคุณต้องการระบบที่ช่วยให้ Lead Generation และ Order Management มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ลองใช้ Oho.chat แพลตฟอร์มที่ช่วยให้การทำงานของทีมการตลาดและฝ่ายขายง่ายขึ้นด้วย AI และระบบอัตโนมัติ

ทดลองใช้งานฟรี 14 วัน
สมัครเลย
ระบบจัดการแชท อันดับ 1 แชทบอททำงานสลับแอดมิน
บริหารทีมการตลาด ทีมขาย ทีมบริการลูกค้า วัดผลได้ในที่เดียว