GPT-5 ดีจริงไหม? แนะนำการใช้ AI Chatbot สำหรับธุรกิจ ในยุคที่ AI กำลังมาแทนมนุษย์

เมื่อผลตอบรับ GPT-5 ไม่ดีอย่างที่คิด การนำ AI Chatbot มาใช้ในธุรกิจควรคำนึงถึง Collaborative Intelligence หรือการทำให้มนุษย์สามารถทำงานร่วมกับ AI ได้

Suriyaporn Eamvijit
Product Owner Specialist
Chalisa Lorattanasane
Product Owner, Editor

GPT-5 เก่งขึ้นเรื่องอะไร ใช้ดีจริงไหม

การมาถึงของ GPT-5 จาก OpenAI เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาได้สั่นสะเทือนโลกอีกครั้ง ด้วยความสามารถที่ “ว่ากันว่า” สูงกว่าคนปริญญาเอก พร้อมควาามสามารถในการเข้าใจภาษา คิดวิเคราะห์ และโต้ตอบแบบเป็นธรรมชาติมากขึ้น ด้วยทักษะที่เรียกว่า “deeper reasoning” หรือการให้เหตุผลที่หลักแหลมขึ้น ลดอาการหลอน (hallucination) เพื่อให้ข้อมูลที่แม่นยำขึ้น พัฒนาทักษะการใช้งานหลักของ users 3 เรื่อง ได้แก่ การเขียน การโค้ด และการให้ข้อมูลเรื่องสุขภาพ

ความสามารถนี้ฟังดูน่ากลัวในระดับที่ Sam Altman CEO ของ OpenAI ออกมายอมรับเองว่ารู้สึกตัวเองไร้ค่าไปเลยเมื่อเทียบกับความสามารถของโมเดลใหม่

แต่ในความเป็นจริงหลังจาก OpenAI ได้ปล่อยโมเดล GPT-5 ให้ผู้ใช้งานได้ลองใช้จริง รีวิวหรือผลตอบรับจำนวนมากกลับเป็นไปในทางตรงกันข้าม Community online ทั้งในต่างประเทศ เช่น reddit และในไทย ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า GPT-5 ไม่ได้เรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านความเร็ว และทักษะความคิดสร้างสรรค์เช่นการแปลหรือการโต้ตอบกับมนุษย์อย่างเป็นธรรมชาติ ถึงกับมีกระแสเรียกร้องให้ OpenAI นำโมเดล GPT-4o ที่เก่งด้านการสนทนามากกว่ากลับมา

วิดีโอเปิดตัว GPT-5 ของ Sam Altman

ถ้า AI ที่ธุรกิจมองว่าสามารถเอามาให้บริการแทนคนได้แล้วยังทำงานเอาแน่เอานอนไม่ได้ เจ้าของธุรกิจจะแก้ปัญหาอย่างไร ให้การให้บริการลูกค้าทำได้รวดเร็ว ประหยัด และมีประสิทธิภาพสูงสุด ดังนั้น AI และ Automation จึงไม่ใช่การแทนที่ แต่คือการทำงานร่วมกันแบบ Collaborative Intelligence

รู้จัก Collaborative Intelligence เพราะการใช้ AI อย่างเดียวไม่เวิร์ค

ในช่วงนี้ เจ้าของธุรกิจหรือผู้ประกอบการแทบทุกคนเริ่มหันมาสนใจการใช้ แชทบอท (Chatbot) ในการตอบคำถามลูกค้าแทนพนักงาน หรือที่ได้ยินกันบ่อย ๆ ว่า AI Chatbot เพราะมองว่าช่วยให้ลูกค้าได้รับการตอบกลับรวดเร็ว และอาจช่วยให้ธุรกิจสามารถลดงบประมาณในการจ้างพนักงานได้

โดยส่วนใหญ่แล้ว ธุรกิจมักจะสร้าง flow บนการทำงานบนระบบ automation เช่น n8n หรือ make.com ซึ่งนอกจากจะทำให้ใช้งาน AI Chatbot ได้แล้ว ยังสามารถช่วยให้ธุรกิจสร้างแผนการบริการลูกค้าตั้งแต่ขั้นตอนการทำ marketing ตลอดจนถึงการบริการหลังการขาย ให้ทำงานได้อัตโนมัติ ครบจบ customer journey แต่อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่หลายธุรกิจที่กำลังสนใจระบบ automation มักเจอคือ

“คำตอบจากแชทบอทมันไม่ personalized เลย ปลอมมาก”
“แชทบอทตอบไม่ได้ทุกคำถาม”
“ไม่ได้อยากให้แชทบอทคุยตลอด บางเรื่องอยากให้คนเข้ามาดูแลแทนน่าจะดีกว่า”

แนวคิด Collaborative Intelligence (CI) จึงกลายเป็นแนวคิดสำคัญที่ช่วยพัฒนาให้การใช้งาน AI มีประสิทธิภาพ และมีประโยชน์ต่อธุรกิจมากยิ่งขึ้น โดย Collaborative Intelligence (CI) หมายถึง ความสามารถของกลุ่มคนในการทำงานชิ้นใดชิ้นหนึ่งให้สำเร็จ หรือแก้ปัญหาใดปัญหาหนึ่งให้สำเร็จในรูปแบบที่มีประโยชน์และสร้างสรรค์ว่ามนุษย์  1 คน ในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ การพัฒนาแบบก้าวกระโดดเกิดจาก Collaborative Intelligence ทั้งนั้น โดยแนวคิดนี้เริ่มพัฒนาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2000s แต่ได้รับความสนใจมากขึ้นหลังการมาถึงของ AI หากพูดถึงการปรับใช้แนวคิดนี้ในธุรกิจปัจจุบัน ก็คือการผสมผสานการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI นั่นเอง โดยเปลี่ยนแนวคิดการทำงานร่วมกัน จากการทำงานร่วมกันระหว่างคนในองค์กร เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI

ช่วงปีค.ศ.เทรนด์การทำงาน Collaborative Intelligenceรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนแปลง
ก่อน 2000การทำงานเน้น Teamworkเน้นการทำงานร่วมกันระหว่างคนในองค์กรและการพัฒนาทักษะการทำงานด้วยกันเป็นทีมควบคู่การพัฒนาทักษะปัจเจก
2000-2010ยุคของ Digital Transformationเริ่มประยุกต์ใช้ซอฟต์แวร์ให้ทำงานร่วมกัน ตอบโจทย์ทุกแผนกในองค์กรและรองรับการทำงาน remote work
2010-2020การนำ AI เข้ามาใช้ในองค์กรเริ่มนำ AI เข้ามาใช้ในกระบวนการทางธุรกิจและการตัดสินใจ
2020-ถึงปัจจุบันSynergy ระหว่าง AI และมนุษย์ระบบ AI อัจฉริยะที่สามารถทำงานร่วมกันกับมนุษย์อย่างเป็นธรรมชาติ ยกระดับขีดความสามารถของมนุษย์ไปอีกขั้น

อ้างอิง: https://www.monitask.com/en/business-glossary/collaborative-intelligence#:~:text=Collaborative Intelligence (CI) is the,what either could achieve independently.

หากธุรกิจอยากให้ “คน” ทำงานร่วมกับ “AI Chatbot” จะทำยังไงดี

หนึ่งในปัญหาที่หลายธุรกิจเข้ามาปรึกษาโอ้โหแชท (Oho Chat) คือ ปัญหาการให้บริการลูกค้าด้วยแชทบอท เพราะลูกค้าของพวกเขารู้สึกไม่สบายใจกับการซื้อ ขาย พูดคุยกับแชทบอทแบบ 100% โดยที่ไม่มีคนจริงๆ มาตอบเลย

”AI กำลังฉลาดขึ้นทุกวัน แต่ลูกค้าก็ยังอยากคุยกับคนอยู่ดี”

พวกเราเรามั่นใจว่าโลกของการบริการลูกค้า มีสิ่งหนึ่งที่ AI ยังไม่สามารถทำแทนมนุษย์ได้ทั้งหมด นั่นคือ “ความเข้าใจในอารมณ์ ความตั้งใจ และบริบท”

Collaborative Intelligence (CI) จึงเป็นแนวคิดหลักของโอ้โหแชท (Oho Chat) โปรแกรมแชทที่สามารถรวมแชทหลายช่องทางมาตอบได้ในที่เดียว เรามองว่า AI ไม่ควรมาแทนที่มนุษย์ และการทำงานระหว่าง AI Chatbot กับแอดมินไม่ใช่การเลือกข้าง แต่คือการใช้จุดแข็งของแต่ละฝั่งให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากมองง่าย ๆ ในเรื่องการตอบแชท ก็เหมือนการทำให้ AI Chatbot สามารถสลับกันตอบกับคนได้นั่นเอง

เมื่อทั้งสองทำงานร่วมกัน ลูกค้าจะได้รับบริการที่ รวดเร็ว แม่นยำ และอบอุ่นในเวลาเดียวกัน แค่นี้ก็เป็นการลดภาระงานของทีมงานในการตอบคำถามซ้ำ ๆ และยังทำให้ลูกค้าได้รับคำตอบที่รวดเร็วอีกด้วย

หากหัวใจหลักในการบริการลูกค้าของธุรกิจคุณคือ การสร้างประสบการณ์ที่ดี ความเร็ว และความถูกต้อง โอ้โหแชท (Oho Chat) คือ โปรแกรมรวมแชทที่ช่วยให้มนุษย์ทำงานร่วมกับ AI ได้ดีที่สุด

เพิ่มยอดขาย และประสบการณ์ลูกค้าได้อย่างไร

หนึ่งในความท้าทายของโปรแกรมรวมแชททั่วไปที่มีแชทบอท คือ เมื่อบอทตอบคำถามไม่ได้ หรือเมื่อลูกค้าต้องการคุยกับมนุษย์ แชทของลูกค้าอาจถูกดองไว้ หรือถูกโอนให้แอดมินแบบขาดตอน ส่งผลให้ประสบการณ์สะดุด ได้รับคำตอบช้าจนหนีไปคุยกับเจ้าอื่น

แต่ที่โปรแกรมรวมแชทโอ้โหแชท (Oho Chat) ออกแบบระบบให้สามารถ สลับจากบอทไปยังแอดมินแบบไร้รอยต่อ ข้อมูลการสนทนาถูกส่งต่อครบถ้วน แอดมินสามารถรับช่วงต่อได้ทันทีเหมือนคุยต่อจากเดิม ไม่มีการถามซ้ำ ไม่มีการเริ่มใหม่

นี่คือ ประสบการณ์ที่ลูกค้าอยากกลับมาใช้ซ้ำ

โอ้โหแชท (Oho Chat) สร้างประสบการณ์ที่คนและ AI ร่วมมือกันเพื่อเปลี่ยนทุกบนสนทนาให้กลายเป็นลูกค้า

โอ้โหแชท (Oho Chat) โปรแกรมรวมแชทอันดับ 1 ที่สามารถรวมแชทจากหลายช่องทาง หลายแอคเคาท์มาตอบได้ในที่เดียว มีฟีเจอร์มากมายที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของแอดมิน รองรับการทำงานรูปแบบทีม เช่น การแบ่งทีมตอบแชทเป็นทีมเซล ทีมซัพพอร์ต หรือแบ่งทีมตามสาขา

ในยุคที่ AI พัฒนาไม่หยุด เราไม่เพียงแค่นำเทคโนโลยีมาใช้ แต่ยังออกแบบการทำงานให้มนุษย์และ AI “เสริมกัน” เพื่อสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่เหนือกว่า เรารองรับการทำงานร่วมกันระหว่างระบบอัตโนมัติกับคนด้วยหลากหลายฟีเจอร์ เช่น ฟีเจอร์แชทบอท ที่รองรับการทำงานร่วมกันกับระบบ chatbot และ automation เช่น n8n ฟีเจอร์กระจายแชทอัตโนมัติ หรือฟีเจอร์กรอกข้อมูลลูกค้าอัตโนมัติ

นอกจากนี้ เรายังพร้อมให้บริการเชื่อมต่อกับระบบภายนอก เช่นระบบ CRM เพื่อให้ลูกค้าทุกคนมั่นใจได้ว่าการทำงานบนโอ้โหแชท (Oho Chat) จะตอบครบทั้ง customer journey ในที่เดียว

นี่คือเหตุผลที่โอ้โหแชท (Oho Chat) ไม่ได้เป็นแค่แพลตฟอร์มแชท แต่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างเทคโนโลยีและหัวใจของการบริการ เพราะสุดท้ายแล้ว ลูกค้าไม่ได้ต้องการแค่คำตอบ พวกเขาต้องการประสบการณ์ที่ทำให้รู้สึกว่า “มีคนเข้าใจ”

ข้อมูลฟีเจอร์และประโยชน์ต่าง ๆ ด้านบนเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเราเท่านั้น หากสนใจอยากทราบข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อเราเพื่อนัดฟังสาธิตการใช้งานฟรี หรือทดลองใช้งานระบบด้วยตัวเองเลย!

>> รู้จักโอ้โหแชท (Oho Chat) ให้มากขึ้น ได้ที่นี่ ระบบรวมแชท คืออะไร? อัปเดต 2025

>> นัดฟังสาธิตการใช้งานฟรี ได้ที่นี่ คลิก จองเวลานัดฟังสาธิตการใช้งาน หรือ LINE OA: @ohochat

>> ทดลองใช้ฟรี 14 วัน ได้ที่นี่ คลิก เพื่อทดลองใช้ฟรี 14 วัน สมัครง่ายไม่ต้องผูกบัตรเครดิต!

ทดลองใช้งานฟรี 14 วัน
สมัครเลย
ระบบจัดการแชท อันดับ 1 แชทบอททำงานสลับแอดมิน
บริหารทีมการตลาด ทีมขาย ทีมบริการลูกค้า วัดผลได้ในที่เดียว