ระบบ IVR (Interactive Voice Response) คืออะไร? คล้ายกับแชทบอทตรงไหน?
ระบบ IVR หรือ Interactive Voice Response คือ ระบบตอบรับอัตโนมัติแบบโต้ตอบ ผ่านเสียง ที่ใช้ในระบบ Call Center เพื่อตอบคำถามลูกค้าโดยไม่ต้องใช้พนักงาน
Thiti Luang
CEO

ระบบ IVR (Interactive Voice Response) คืออะไร?

คำว่า IVR อาจจะไม่คุ้นหู แต่ถ้าถามว่าเคยโทรไป Call Center แล้วเจอระบบเสียงตอบรับอัตโนมัติไหม น่าจะเคยใช้บริการกันมาทุกคน ระบบ IVR หรือ Interactive Voice Response คือ ระบบตอบรับอัตโนมัติแบบโต้ตอบ ผ่านเสียง ที่ใช้ในระบบ Call Center เพื่อตอบคำถามลูกค้าโดยไม่ต้องใช้พนักงาน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นเพื่อช่วยลดภาระการทำงานของพนักงานในการตอบรับลูกค้าเบื้องต้น แถมยังเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าที่โทรเข้ามาโดสามารถเลือกได้ว่าต้องการคุยหรือต้องการการบริการในเรื่องใด

ระบบ IVR ทำงานอย่างไร?

เมื่อลูกค้าโทรเข้ามายังระบบ IVR จะได้ยินเสียงบันทึกที่แนะนำให้เลือกตัวเลือกต่างๆ เช่น กด 1 สำหรับฝ่ายขาย กด 2 สำหรับฝ่ายบริการลูกค้า

*Dual Tone Multi Frequency (DTMF) ฟังก์ชันที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการต่อหมายเลขอัตโนมัติให้นั่นเอง เช่น หมายเลขหอพัก คอนโด ศูนย์บริการต่างๆ หมายเลขพีซีที หรือหมายเลขอื่น ๆ ที่ต้องอาศัยการต่อหมายเลขภายในอีกที โดย DTMF นี้จะช่วยจดจำหมายเลขเหล่านี้ให้ ผู้ใช้จะได้ไม่ต้องเสียเวลาต่อหมายเลขภายในด้วยตนเอง และสามารถเข้าสู่เลขหมายปลายทางที่แท้จริงได้ทันที

ตัวอย่างการใช้งานระบบ IVR

ข้อดีของระบบ IVR

ตัวอย่าง:

ข้อเสียของระบบ IVR

ปัจจุบันการใช้งานแชทเพื่อการขายและการบริการลูกค้าเป็นที่นิยมมากขึ้น ทั้งในฝั่งลูกค้าที่มีความสะดวกในการติดต่อ ลดการพูดคุย และประสิทธิภาพกับความประหยัดในฝั่งของธุรกิจ

ข้อดีของการแชทบริการลูกค้า เทียบกับการโทรศัพท์

1. สะดวกและรวดเร็ว: ลูกค้าสามารถติดต่อผ่านแชทได้ทุกที่ทุกเวลา โดยไม่ต้องรอสาย ลูกค้าไม่ต้องโฟกัสกับการติดต่อบริการลูกค้า สามารถติดต่อและเว้นระยะได้ตามความสะดวก เช่น พูดคุยแล้วเว้นระยะไว้คุยต่อเมื่อกลับถึงบ้าน

2. ประหยัดเวลา: ลูกค้าสามารถได้รับคำตอบได้ทันที โดยไม่ต้องรอคิว

3. ประหยัดค่าใช้จ่าย: ธุรกิจสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงาน

4. เก็บข้อมูลลูกค้าและบทสนทนา: ธุรกิจสามารถเก็บข้อมูลการติดต่อของลูกค้าได้ครบถ้วน เพราะมีข้อมูลในรูปแบบตัวอักษร ซึ่งมีความประหยัดและจัดการได้ง่ายกว่า บันทึกการสนทนาแชททั้งหมดสามารถใช้เพื่ออ้างอิงในอนาคต

5. วิเคราะห์ความต้องการของลูกค้า: ธุรกิจสามารถวิเคราะห์ข้อมูลการสนทนา เพื่อพัฒนาสินค้าและบริการ ได้สะดวกรวดเร็วและประหยัดกว่าไฟล์เสียง

6. เพิ่มประสิทธิภาพ: ธุรกิจสามารถให้บริการลูกค้าได้มากขึ้น เพราะแอดมินสามารถดูแลลูกค้าพร้อมกันได้มากกว่าการโทรศัพท์ที่ดูแลได้ทีละคน

7.  ใช้งานง่าย: ลูกค้าสามารถใช้งานแชทได้ง่าย โดยไม่ต้องมีทักษะพิเศษ

8.  รองรับหลายภาษา: แชทบอทสามารถรองรับหลายภาษา

9.  ทำงานหลายอย่างพร้อมกัน: ตัวแทนฝ่ายบริการลูกค้าสามารถตอบคำถามลูกค้าหลายคนพร้อมกัน

10. การส่งไฟล์: สามารถส่งไฟล์ทุกรูปแบบ ลูกค้าและธุรกิจสามารถกลับมาดูภายหลังได้

ตัวอย่าง:

จากข้อมูลข่างต้น การใช้แชทบอทสามารถทำงานได้เทียบเท่าและดียิ่งกว่า IVR เสียอีก อย่างไรก็ตามการใช้งาน Call Center ผ่านโทรศัพท์แม่จะถูกลดบทบาท แต่ก็ยังมีความสำคัญในปัจจุบัน โดยเฉพาะกับธุรกิจที่ให้บริการมานานหลายปี มีกระบวนการทำงานหรือระบบ Call center เดิมที่จำเป็นต้องใช้งานต่อไป แต่ธุรกิจออนไลน์สมัยใหม่เลือกให้ความสำคัญกับการจัดการแชทมากกว่า หรือไม่มีการติดตั้งระบบโทรศัพท์ Call center เลย เพราะช่องทางการติดต่อกับลูกค้าได้ย้ายจากเบอร์โทรศัพท์หรือสายด่วยไปสู่ Facebook page, LINE OA และ Tiktok เรียบร้อยแล้ว

การเปรียบเทียบระบบ IVR กับแชทบอท

สรุป

ระบบ IVR เป็นเทคโนโลยีที่มีประโยชน์ในการตอบคำถามทั่วไป ช่วยส่งสายไปถึงผู้รับผิดชอบได้ดี ช่วยให้ธุรกิจสามารถลดภาระงานของพนักงาน เพิ่มประสิทธิภาพการบริการ และเก็บข้อมูลลูกค้า ธุรกิจควรเลือกใช้เทคโนโลยี IVR หรือแชทบอท ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้า ทว่าทางที่ดีที่สุดคือการใช้ระบบ IVR ผ่านทางโทรศัพท์ และมีการรวมแชทและแชทบอทสำหรับบริการลูกค้าผ่านแชท

พร้อมแล้ว เริ่มใช้งานฟรี!
ทดลองใช้ฟรี คลิก!
เชื่อมต่อเพจของคุณฟรีทันที!