Deepseek คืออะไร แตกต่างจาก ChatGPT อย่างไรบ้าง

สงคราม AI จีนปะทะอเมริกา เดือด! มาทำความรู้จัก Deepseek และเปรียบเทียบความแตกต่างกับ ChatGPT กันดีกว่า

ในยุคที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว เครื่องมือสร้างข้อความอัตโนมัติหรือ AI Chatbot กลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวัน ทั้งในด้านการทำงาน การศึกษา และการใช้ชีวิตทั่วไป Deepseek และ ChatGPT เป็นสองตัวอย่างของเทคโนโลยีนี้ที่ได้รับความนิยม แต่ทั้งสองมีความแตกต่างกันในหลายด้าน บทความนี้จะพาไปทำความรู้จัก Deepseek และเปรียบเทียบความแตกต่างกับ ChatGPT

Deepseek คืออะไร?

Deepseek เป็นโมเดลภาษา (Language Model) ที่พัฒนาขึ้นโดยบริษัท DeepSeek AI ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพจากประเทศจีน โมเดลนี้ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างข้อความที่มีความหมายและเป็นธรรมชาติ โดยใช้การเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) และโครงข่ายประสาทเทียม (Neural Networks) Deepseek มุ่งเน้นการใช้งานในหลากหลายภาษา โดยเฉพาะภาษาจีน และมีจุดเด่นในด้านความเข้าใจบริบทและการปรับตัวให้เข้ากับงานเฉพาะทาง เช่น การแปลภาษา การวิเคราะห์ข้อมูล และการสร้างเนื้อหา

Deepseek ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานในเอเชียเป็นหลัก โดยเน้นการเข้าใจวัฒนธรรมและบริบททางภาษาที่ซับซ้อน ซึ่งทำให้โมเดลนี้มีความแม่นยำในการสร้างข้อความที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้งานในภูมิภาคนี้

แนวทางการพัฒนา

"ตำแหน่งทางเทคนิคหลักของเราส่วนใหญ่ถูกเติมเต็มโดยผู้ที่เพิ่งสำเร็จการศึกษาในปีนี้หรือในช่วงหนึ่งถึงสองปีที่ผ่านมา" Liang Wenfeng ผู้ก่อตั้งกล่าว เขาเน้นย้ำว่านักวิจัยรุ่นใหม่เหล่านี้มีแรงขับเคลื่อนจากภารกิจที่จะยกระดับสถานะของจีนในด้านนวัตกรรม AI

ChatGPT คืออะไร?

ChatGPT เป็นโมเดลภาษาที่พัฒนาโดย OpenAI บริษัทด้าน AI ชื่อดังจากสหรัฐอเมริกา ChatGPT ใช้เทคโนโลยี Generative Pre-trained Transformer (GPT) ซึ่งเป็นหนึ่งในโมเดลภาษาที่ทันสมัยที่สุดในปัจจุบัน ChatGPT มีจุดเด่นในการสร้างข้อความที่คล้ายมนุษย์ สามารถตอบคำถาม สนทนา และสร้างเนื้อหาได้หลากหลายรูปแบบ โดยได้รับการฝึกฝนจากข้อมูลจำนวนมหาศาลและครอบคลุมหลายภาษา

ChatGPT ได้รับความนิยมไปทั่วโลก เนื่องจากความสามารถในการใช้งานที่หลากหลาย ทั้งในด้านการศึกษา การตลาด การเขียนโค้ด และการให้คำปรึกษา นอกจากนี้ OpenAI ยังมีการอัปเดตโมเดลอย่างต่อเนื่อง เช่น GPT-3.5 และ GPT-4 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความแม่นยำ

แนวทางการพัฒนา

Deepseek แตกต่างจาก ChatGPT อย่างไร?

แม้ทั้ง Deepseek และ ChatGPT จะเป็นโมเดลภาษาที่ใช้เทคโนโลยี AI แต่ทั้งสองมีความแตกต่างกันในหลายด้าน ดังนี้

  1. ภูมิภาคและภาษาเป้าหมาย
    • Deepseek มุ่งเน้นการใช้งานในเอเชีย โดยเฉพาะภาษาจีน และมีความเข้าใจบริบททางวัฒนธรรมของภูมิภาคนี้เป็นอย่างดี
    • ChatGPT ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้งานทั่วโลก และรองรับหลายภาษา แต่จุดแข็งหลักอยู่ที่ภาษาอังกฤษ
  2. การใช้งานเฉพาะทาง
    • Deepseek ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์งานเฉพาะทาง เช่น การแปลภาษา การวิเคราะห์ข้อมูล และการสร้างเนื้อหาในบริบททางธุรกิจ
    • ChatGPT มีความหลากหลายในการใช้งานมากกว่า ตั้งแต่การสนทนาทั่วไป การเขียนโค้ด ไปจนถึงการให้คำแนะนำเชิงวิชาการ
  3. เทคโนโลยีและโครงสร้าง
    • Deepseek ใช้เทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึกที่ปรับให้เหมาะกับภาษาที่มีความซับซ้อน เช่น ภาษาจีน
    • ChatGPT ใช้เทคโนโลยี GPT ซึ่งเป็นโมเดลภาษาที่มีโครงสร้างใหญ่และซับซ้อน ทำให้มีความสามารถในการสร้างข้อความที่หลากหลายและเป็นธรรมชาติ
  4. การเข้าถึงและชุมชนผู้ใช้งาน
    • Deepseek ยังอยู่ในช่วงขยายตัว และอาจไม่เป็นที่รู้จักในระดับสากลเท่า ChatGPT
    • ChatGPT มีชุมชนผู้ใช้งานที่กว้างขวาง และมีการอัปเดตอย่างต่อเนื่อง ทำให้เป็นที่นิยมในวงกว้าง
  5. จุดเด่นเฉพาะ
    • Deepseek มีความแม่นยำในการทำงานกับภาษาที่มีอักษรภาพ เช่น ภาษาจีน และมีความเข้าใจบริบททางวัฒนธรรม
    • ChatGPT มีความสามารถในการสร้างข้อความที่หลากหลายและเป็นธรรมชาติ รวมถึงการสนับสนุนจาก OpenAI ที่มีชื่อเสียงในวงการ AI


สรุป

Deepseek และ ChatGPT เป็นสองโมเดลภาษาที่มีจุดเด่นและจุดประสงค์การใช้งานที่แตกต่างกัน Deepseek มุ่งเน้นการใช้งานในเอเชียและภาษาจีน โดยมีความเข้าใจบริบททางวัฒนธรรมเป็นอย่างดี ในขณะที่ ChatGPT เป็นโมเดลภาษาที่ใช้งานได้ทั่วโลก และมีความหลากหลายในการสร้างข้อความ

การเลือกใช้โมเดลภาษาใดนั้นขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้งาน หากต้องการทำงานกับภาษาจีนหรือบริบททางวัฒนธรรมเอเชีย Deepseek อาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า แต่หากต้องการโมเดลที่ใช้งานได้หลากหลายและรองรับหลายภาษา ChatGPT ก็ยังคงเป็นผู้นำในวงการ AI Chatbot ในปัจจุบัน

ทดลองใช้งานฟรี 14 วัน
สมัครเลย
ระบบจัดการแชท อันดับ 1 แชทบอททำงานสลับแอดมิน
บริหารทีมการตลาด ทีมขาย ทีมบริการลูกค้า วัดผลได้ในที่เดียว